ก็เช่นเดียวกับประชาธิปไตยแบบกรีก
ในส่วนที่เป็นประชาธิปไตยของคนกลุ่มน้อยหรือ |
ประชาธิปไตยของชนชั้นท่านนักวิทยาศาสตร์สังคมได้กล่าวว่า
"ในสังคมที่แบ่งกันออกเป็นชน |
ชั้นคือ ผู้กดขี่กับผู้ถูกกดขี่หรือผู้เบียดเบียนกับผู้ถูกเบียดเบียน
ระบอบประชาธิปไตยก็ย่อมจะคง |
เป็นระบอบประชาธิปไตยของชนชั้นอยู่เรื่อยไป จะไม่เป็นประชาธิปไตยของปวงชนตามความ |
หมายสมบูรณ์ขึ้นได้เลย" |
การก้าวเข้ามาของประชาธิปไตยกฎุมพีหรือเจ้าสมบัตินั้น
ก้าวเข้ามาด้วยการปฏิวัติ กล่าว |
คือ เป็นการแย่งชิงอำนาจในทางการเมืองการเศรษฐกิจจากพวกเจ้าศักดินา
ซึ่งทำการผูกขาด |
อำนาจอำนาจดังกล่าวไว้ในกำมือแต่กลุ่มเดียว พวกศักดินาถูกเตะหกคะเมนลงไปจากบัลลังก์ |
แห่งการกดขี่ขูดรีด และพร้อมกับที่พวกกฎุมพีหรือเจ้าสมบัติ
ได้ย่างก้าวขึ้นไปสู่บัลลังก์แห่งการ |
กดขี่ขูดรีดแทน การปฏิวัติของอังกฤษในตอนกลางคริสศตวรรตที่
๑๗ การปฏิวัติของอเมริกา |
และฝรั่งเศสในตอนปลายคริสศตวรรตที่ ๑๘ นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในทาง |
การเมืองการเศรษฐกิจและสังคม ชนชั้นกฎุมพีหรือเจ้าสมบัติที่โผล่หน้าขึ้นมาในประเทศเหล่านี้
|
พยายามที่จะให้ได้มาซึ่งเสรีภาพในทางการเมือง โดยโอนเอาอำนาจของรัฐมาไว้ในกำมือของ |
พวกเขา และแล้วก็ดำเนินการการเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และออกจากบรรดาข้อจำกัดทั้งหลาย |
ของพวกเจ้าศักดินาและกษัตริย์เพื่อพัฒนาการเศรษฐกิจของตนเอง |
ก่อนเข้ามาของระบอบประชาธิปไตยกฎุมพีหรือประชาธิปไตยเจ้าสมบัติระบบศักดินาได้มี |
อิทธิพลครอบงำอยู่เหนือสังคม ทั้งนี้ เพราะอำนาจในทางการเมืองการเศรษฐกิจและสังคมอยู่ |
ในกำมือของพวกเขาอย่างเด็ดขาดสิ้นเชิง พวกเจ้าศักดินาเหล่านั้นรวบอำนาจทางการเมืองมา |
ไว้ในกำมือของพวกเขา โดยรวมศูนย์อยู่ที่กษัตริย์ และแล้วดำเนินการเศรษฐกิจด้วยวิธีการกดขี่ |
ขูดรีดประชาชน |
ทั้งนี้
เพื่อให้ได้มาซึ่งโภคทรัพย์เพื่อมาบำรุงบำเรอความสุขของพวกเขาเครื่องบำรุง |
บำเรอความสุขนั้นนอกจากเครื่องบริโภคอุปโภคอย่างชนิดยอดเยี่ยมและนอกจากข้าทาสหญิง |
ชายแล้ว ก็ยังมีสตรีที่เรียกว่า นางบำเรอ อีกด้วย การวัดฐานะของพวกเจ้าศักดินา
นอกจากจะวัด |
กันด้วยจำนวนมากน้อยของข้าทาสแล้วก็วัดกันด้วยจำนวนมากน้อยของนางบำเรอ
ท่านผู้ใดมี |
นางบำเรอมากก็นับถือกันว่าเป็นผู้มีหน้ามีตามีบุญวาสนา
และท่านที่มีนางบำเรอมากที่สุดก็เห็น |
จะได้แก่พวกกษัตริย์นั่นเอง เพราะท่านเหล่านี้มีอำนาจเหนือมนุษย์ทุกคนในสังคม
คำพูดของ |
เขาเป็นกฎหมาย พวกเจ้าศักดินายิ่งทวีการบำรุงบำเรอส่วนตัวเท่าใดยิ่งเพิ่มข้าทาสหญิงชายมาก |
ขึ้นเท่าใด และยิ่งเพิ่มนางบำเรอมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งทวีการกดขี่ขูดรีดประชาชนมากขึ้นเท่านั้น |
ภายใต้พฤติการณ์ที่เป็นอยู่เช่นนี้
ได้นำความยากจนค่นแค้นมาสู่ประชาชนส่วนใหญ่อย่าง |
แสนสาหัส และได้นำความหายนะมาสู่ชนชั้นกลางหรือกฎุมพี
อันเป็นชนชั้นที่พวกเจ้าศักดินา |
หรือพวกชนชั้นสูงดูถูกเหยียดหยาม และดังนั้น
ภายใต้การนำของพวกกฎุมพี และด้วยการ |
สนับสนุนของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งถูกถือว่าเป็นพวกไพร่ชนชั้นต่ำ
ได้ร่วมมือกันโค่นล้มระบบ |
ศักดินาอันน่าขยะแขยง แล้วสถาปนาระบอบประชาธิปไตยกฎุมพี
หรือระบอบประชาธิปไตย |
เจ้าสมบัติขึ้นมาแทน |
ที่เรียกว่าระบอบประชาธิปไตยกฎุมพีหรือระบอบประชาธิปไตยเจ้าสมบัตินั้น
ก็เพราะภาย |
หลังจากการยื้อแย่งอำนาจในทางการเมืองและการเศรษฐกิจมาจากพวกเจ้าศักดินาได้แล้ว
พวก |
กฎุมพีหรือพวกชนชั้นกลางก็ได้เข้าครองอำนาจแทน โดยการกีดกันประชาชนส่วนใหญ่ออกไป |
อยู่นอกวงอำนาจเหล่านั้นทรรศนะทางประชาธิปไตยของพวกกฎุมพีหรือเจ้าสมบัตย่อมไม่เคยที่ |
จะก้าวเลยไปจนถึงขั้นเลิกล้มเอกสิทธิ์ของชนชั้น อันเป็นลักษณะสังคมศักดินาแต่เพื่อที่จะปิดบัง |
อำพรางการผูกขาดกุมอำนาจของพวกเขาในทางเศรษฐกิจและการเมือง
ความเสมอภาคตาม |
กฎหมายจึงได้ถูกตราขึ้นเป็นพิธีการ เช่น บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญว่า
ประชาชนทุกคนที่บรรลุนิติ |
ภาวะแล้วย่อมมีสิทธิเสรีภาพบริบูรณ์ในทางการเมือง แต่หากในกฎหมายเลือกตั้ง
กลับกำหนด |
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์รับเลือกตั้งไว้ต่าง ๆ นานา เช่น
ในเรื่องการศึกษา ก็ได้กำหนดไว้ว่าต้องมี |
ความรู้แค่นั้นแค่นี้ |
และโดยประการสำคัญต้องมีหลักทรัพย์เท่านั้นเท่านี้
ต้องวางเงินประกันเท่านั้นเท่านี้และ |
ในส่วนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งก็เช่นกัน ได้มีข้อกำนดไว้หลายประการเช่นเดียวกันกับ |
ประชาธิปไตยยุคกรีก |
|